ดาวน์โหลดโปรแกรม
วันแรก สนามบินดอนเมือง – สนามบินอุดรธานี – วัดป่าภูก้อน – วัดถ้ำศรีมงคล – จังหวัดหนองคาย - ตลาดท่าเสด็จ
04.30 น. พร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง เพื่อเตรียมตัวเดินทาง และผ่านขั้นตอนการเช็คอิน
06.40 น. บินลัดฟ้าสู่ สนามบินอุดรธานี โดยสายการบิน THAI AIRASIA เที่ยวบินที่ FD 3362 (ใช้ระยะเวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที)
07.50 น. เดินทางถึง สนามบินอุดรธานี หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถตู้วีไอพี
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร (1)
นำท่านเดินทางสู่ วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นรอยต่อของจังหวัด อุดรธานี เลย และหนองคาย เป็นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ ลำธาร สัตว์ป่า และต้นไม้นานาชนิด วิหารของวัดป่าภูก้อน งดงาม ตระการตาแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ โดยพระวิหารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ ที่มีประตูทางเข้าออกวิหาร 3 ด้าน ภายในวิหารจะถูกตกแต่งอย่างงดงามเป็นอย่างมากทีเดียว โดยจะแฝงไปด้วยเรื่องราวคำสอนของพระพุทธเจ้า รอบๆทั่วผาผนังมีภาพพุทธประวัติและภาพทศชาติ มีการตกแต่งรูปแบบภาพปั้นนูนต่ำ หล่อด้วยทองแดง ซึ่งเป็นภาพของพระพุทธเจ้าในองค์ชาติทั้ง 10 ชาติ ด้านบนของทุกภาพ จะถูกแกะสลักด้วยบทสวดอิติปิโสช่องละท่อนด้วยสีเขียวเข้มบนพื้นหินอ่อนสีขาว ถือว่าเป็นผนังวิหารที่มีเอกลักษณ์งดงามยิ่งนัก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (2)
นำท่านเดินทางไปยัง วัดถ้ำศรีมงคล คือวัดดินเพียง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ถ้ำพญานาค จากเรื่องเล่าของชาวบ้านในพื้นที่เชื่อกันว่า ถ้ำแห่งนี้สามารถใช้เดินทางไปยังเมืองใต้บาดาลของพญานาคซึ่งอยู่ใต้แม่น้ำโขง ภายในถ้ำนั้นมีโพรงซึ่งมีลักษณะคล้ายรูอยู่มากมาย ซอกซอยแบ่งแยกออกไปทั่วบริเวณ โดยแต่ละรูสามารถเชื่อมทะลุถึงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ และขนาดรูนั้นก็ใหญ่กว่าตัวคนเพียงเล็กน้อย ดูๆไปเหมือนกับเส้นทางการเลื่อยของงูใหญ่หรือพญานาค มากกว่าจะเป็นทางสัญจรของมนุษย์ แถมโพรงเหล่านี้ยังมีน้ำไหลเอื่อยไปตามทางอีกด้วย ประดึงว่าช่วยให้พวกงูเลื่อยไปมาได้สะดวกขึ้น และเมื่อนำมาพิจารณาประกอบกับเรื่องเล่าต่างๆ แล้วทำให้เชื่อได้ว่า ถ้ำแห่งนี้ต้องเป็นที่อยู่และที่สัญจรของพญานาค
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (3)
นำท่านเพลิดเพลิน ตลาดท่าเสด็จ หรือตลาดอินโดจีน เดิมชื่อ ตลาดท่าเรือ เพราะก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ประชาชนทั้งสองฝั่งน้ำ จะต้องใช้เรือในการสัญจรไปมาทำการค้าระหว่างชายแดนกันอย่างคึกคัก ที่นี่จึงเป็นที่
ทำการด่านตรวจคนเข้าเมือง และทำหนังสือเดินทางผ่านแดนในปี 2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัย จังหวัดหนองคาย พระองค์ได้เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ตลาดท่าเรือแห่งนี้ ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อจาก ตลาดท่าเรือ เป็น ตลาดท่าเสด็จ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
พักที่ โรงแรมรอยัลนาคาราหนองคาย หรือระดับเทียบเท่าเดียวกัน
วันที่สอง วัดโพธิ์ชัย - ศาลาแก้วกู่ - จังหวัดบึงกาฬ – วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (4)
นำท่านเดินทางไปยัง วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) จากเดิมชื่อ “วัดผีผิว” เนื่องจากวัดนี้เคยใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และว่ากันว่ามีผีดุ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธิ์ชัย ในสมัยรัตนโกสินทร์แล้วจึงยกฐานะขึ้นมาเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2524 ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย ที่หล่อด้วยทองสุกอันเป็นเนื้อทองคำถึง 92 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะอันงดงามอย่างมาก โดยมีตำนานที่เล่าสืบกันมาถึงประวัติของหลวงพ่อพระใสว่าสร้างขึ้นโดยพระธิดา 3 องค์ ของพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า “พระสุก” ประจำพระธิดาคนโต “พระเสริม” ประจำพระธิดาคนกลาง และ “พระใส” ประจำพระธิดาคนสุดท้อง ซึ่งมีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ
นำท่านเดินทางสู่ ศาลาแก้วกู่ หรืออุทยานเทวาลัยแห่งความศรัทธา ในพื้นที่ 42 ไร่ ที่ ชุมชนสามัคคี อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างเข้ามาชมความแปลกตา เพราะเต็มไปด้วยรูปปั้นคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ที่มีความแปลก จำนวนรวมกว่า 200 องค์ มีทรงสูงตั้งตระหง่านใหญ่โตถูกสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและความเชื่อของ ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ หรือ ปู่เหลือ ว่า ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ โดยต้องการให้ อุทยานเทวาลัย หรือ ศาลาแก้วกู่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดแขก นั้น เป็นสถานที่ที่หมายถึง ดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (5)
นำท่านเดินทางสู่ วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) ตั้งอยู่ในบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ภูทอก ภาษาอีสานแปลว่าภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอกนั้นมี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยสามารถชมได้คือภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอก โดยใช้เพียงแรงงานคนสร้างบันได เวียนไปมารอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียนรอบเขาซึ่งจะ ได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำ สัตบุรุษ ให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระหรือโลกแห่ง การหลุดพ้นด้วย ความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (6)
พักที่ โรงแรมบีเคเพลส หรือระดับเทียบเท่าเดียวกัน
วันที่สาม ภูสิงห์ (เขาสามวาฬ) - วัดอาฮงศิลาวาส - จังหวัดอุดรธานี – เกาะคำชะโนด - วัดโพธิสมภรณ์ - สนามบินอุดรธานี - กรุงเทพฯ
04.30 น. ตื่นเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ จุดชมวิวหินสามวาฬ โดยรถของชาวบ้านท้องถิ่น หินสามวาฬ มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี เมื่อมองดูจากมุมสูงในระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน พร้อมนำท่านชมพระอาทิตย์ขึ้น หากอากาศดีเราจะได้สัมผัสทะเลหมอกอย่างสวยงาม จากนั้น อิสระให้ท่านถ่ายภาพแห่งความประทับใจตามอัธยาศัย ณ จุดชมวิวผาถ้ำฤๅษี จากนั้น คณะเดินทางสู่ กำแพงภูสิงห์ นำคณะกราบนมัสการ หลวงพ่อพระสิงห์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของภูสิงห์ ณ ลานสิงห์หมอบ ซึ่งมีก้อนหินลักษณะคล้ายสิงห์กำลังหมอบอยู่ จนได้เวลาอันสมควร คณะเดินทางกลับสู่ที่พัก
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (7)
นำท่านเดินทางสู่ วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่เขตพื้นที่บ้านอาฮง อ. เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 21 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวประมาณร้อยกว่าเมตร วัดอาฮงศิลาวาส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยเหตุที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นแนวโค้งยาวประกอบกับมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาค ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาที่วัดอาฮง และแก่งอาฮง อย่างไม่ขาดสาย มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัด คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อว่าที่นี่คือ จุดที่เป็น สะดือแม่น้ำโขง ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากาฎขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้นนาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย
นำท่านเดินทางไปยัง นำท่านเดินทางไปยัง เกาะคำชะโนด เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และดินแดนลี้ลับ จุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ สถานที่แห่งนี้ปรากฏในตำนานพื้นบ้านที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของพญานาคราชปู่ศรีสุทโธ และองค์แม่ศรีปทุมมานาคราชเทวี และสิ่งลี้ลับต่างๆ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจรวมศรัทธาของคนในจังหวัดอุดรธานีและอีสานตอนบน คำชะโนดมีลักษณะเป็นเกาะลอยน้ำ เมื่อเข้ามาถึงภายในพื้นที่ของคำชะโนด จะรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น ร่มเย็น เพราะปกคลุมไปด้วยต้นชะโนดทั่วบริเวณ ให้ท่านได้กราบไหว้ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธขอโชค ขอพร ขอลาภ ตามอัธยาศัย
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (8)
นำท่านเดินทางสู่ วัดโพธิสมภรณ์ เริ่มสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2449 ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรได้พิจารณาเห็นว่าในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี มีเพียง วัดมัชฌิมาวาส วัดเดียวเท่านั้น เห็นว่าเป็นทำเลที่เหมาะสมควรแก่การสร้างวัดได้เพราะเป็นที่ราบป่าละเมาะเงียบสงบดี ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักและอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เมื่อตกลงใจเลือกสถานที่ได้แล้วมหาอำมาตย์ตรี พระยาศรีสุริยราชวรานุวัต ก็ได้ชักชวนและนำพาราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งมาร่วมกันถากถางป่าจนพอควรแก่การปลูกกุฏิ ศาลาโรงธรรม สำหรับใช้เป็นที่บำเพ็ญบุญ
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ สนามบินอุดรธานี
ค่ำ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
18.55 น. บินลัดฟ้าสู่ สนามบินอุดรธานี โดยสายการบิน THAI AIRASIA เที่ยวบินที่ FD3351 (ใช้ระยะเวลาเดินทางโดยประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที)
20.10 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ
......................................................................................................................